![BJD486A~5L]DHMS2WH[U)8T.png](https://masmate.service-online.cn/production/files/0/1763624216252382246_59413.png)
ในปี 2025 เกือบทุกคนพูดถึง การเติบโตบน LinkedIn แต่มีน้อยคนมากที่ทำได้ “ถูกวิธี” จริง ๆ
ด้านหนึ่ง LinkedIn มียอดการแสดงผลคอนเทนต์ต่อสัปดาห์มากกว่า 9 พันล้านครั้ง แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีเพียงประมาณ 1% ของผู้ใช้ทั้งหมดที่โพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ นั่นหมายความว่า LinkedIn ไม่ได้ “อิ่มตัว” แต่มัน “ขาดแคลนคอนเทนต์ดี ๆ อย่างหนัก”
สำหรับ Founder, Consultant, Coach หรือผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการสร้าง Personal Brand ที่ปิดงานได้จริง บทความนี้จะพาคุณไล่ทีละขั้นว่า หากวันนี้ต้องเริ่มจากศูนย์บน LinkedIn เพื่อหา “ลูกค้าค่าตัวสูง” อีกครั้ง คุณควรทำอย่างไรบ้าง
一、LinkedIn “แข่งเดือด” จริงไหม? ดูโอกาสจากตัวเลขจริงเบื้องหลัง
หลายคนบ่นว่า “ตอนนี้มาเล่น LinkedIn สายไปแล้ว แพลตฟอร์มมันเต็มไปหมดแล้ว”
แต่ถ้าดูจากข้อมูลจริง ภาพที่เห็นกลับตรงกันข้ามอย่างชัดเจน:
- LinkedIn มีการแสดงผลคอนเทนต์รวมต่อสัปดาห์ระดับ หลายพันล้านครั้ง
- แต่มี สัดส่วนผู้ใช้ที่โพสต์คอนเทนต์ประจำเพียงน้อยนิด
- เมื่อเทียบกับ Instagram หรือ TikTok ที่ฟีดแน่นไปด้วยคอนเทนต์ทุกประเภท ฟีดของ LinkedIn ยังถือว่า “โล่ง” มาก
สิ่งนี้นำไปสู่ข้อสรุปสำคัญสองข้อ:
- อายุคอนเทนต์ยาวกว่าแพลตฟอร์มสายเอนเตอร์เทนอื่น ๆ มาก ถ้าคุณเขียนโพสต์ที่มีโครงสร้างดี มีมุมมอง มีเรื่องเล่าและ Insight ชัดเจน โพสต์นั้นสามารถถูกหยิบไปแสดงซ้ำได้หลายวันหรือแม้แต่หลายสัปดาห์
- ด่าน Personal Brand ยังไม่ได้สูงอย่างที่คิด ถ้าคุณเลือกโฟกัสแค่ “หนึ่งนิชเล็ก ๆ” แล้วลงมือโพสต์อย่างสม่ำเสมอ คุณสามารถกลายเป็น Top Voice ในวงการย่อยนั้นได้เร็วมาก และดึงลูกค้ามาหาคุณได้โดยแทบไม่ต้องลงโฆษณา
สรุปง่าย ๆ คือ:
บน LinkedIn ในตอนนี้ แค่คุณ “เขียนเป็น + ทำต่อเนื่อง” ก็ชนะคนส่วนใหญ่ไปไกลแล้ว
二 จาก “แอดผิดคน” สู่ “แอดถูกวง”: Dream 100 + กลยุทธ์สร้างเครือข่ายอย่างแม่นยำ
อีกหนึ่งกับดักที่คนส่วนใหญ่ตกลงไป คือการ สุ่มแอดเพื่อนแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง:
ใครก็ได้ที่โผล่ขึ้นมาเป็น Suggested หรือลูกศรสีฟ้า ๆ ก็แอดหมด มีเพื่อนร่วมกันก็แอด กด Connect แบบไม่ดูโปรไฟล์
ผลลัพธ์คือ:
- ฟีดเต็มไปด้วยโพสต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
- เวลาโพสต์คอนเทนต์ คนที่เห็นก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย
- อัตรามีส่วนร่วม (Engagement) ต่ำ Algorithm ก็เลยมองว่า “โพสต์คุณไม่มีใครสนใจ” การกระจายจึงยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
วิดีโอพูดถึง Framework สำคัญชื่อ Dream 100
ซึ่งมาจากแนวคิดด้านการตลาดของ Russell Brunson ถ้าเอามาประยุกต์ใช้กับ LinkedIn จะได้กระบวนการประมาณนี้:
- ลิสต์รายชื่อ 100 คนในฝัน (Dream 100) ของคุณ ผู้นำความคิดในอุตสาหกรรม (Industry KOL) ลูกค้าในฝัน พาร์ตเนอร์หรือคนที่คุณอยากทำงานร่วมด้วยในระยะยาว
- จากนั้น อย่ารีบวิ่งไปทัก Dream 100 โดยตรงก่อน แต่ให้เริ่มจากการเชื่อมต่อกับ คนในเครือข่ายของเขา ก่อน: คนที่กดถูกใจหรือคอมเมนต์โพสต์ของเขาเป็นประจำ คนที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกันหรือใกล้เคียง คนที่สนใจหัวข้อเดียวกับที่คุณจะพูด
ทำแบบนี้คุณจะได้:
- คอนเทนต์ของคุณมีโอกาสโผล่ในสายตาของ Dream 100 ผ่านฟีดของคนรอบตัวเขา
- ฟีดของคุณเองจะเต็มไปด้วยคอนเทนต์ใน “วงการเดียวกัน” ทำให้เวลาคุณมีส่วนร่วม หรือโพสต์อะไร Engagement ก็มีโอกาสสูงขึ้นมาก
- Algorithm ของ LinkedIn ชอบรูปแบบ “วงในคุยกับวงใน” ซึ่งเป็นสัญญาณว่าคอนเทนต์ของคุณเหมาะกับกลุ่มนี้
หลักใหญ่ใจความคือ: อย่าแอดทุกคนแบบหว่านแห ให้แอดเฉพาะคนที่มีแนวโน้มจะสนใจคอนเทนต์ของคุณจริง ๆ
三 ซ้อม “สกิลคอมเมนต์” ให้เก่งก่อนค่อยลงสนามโพสต์
อีกพฤติกรรมที่มักเห็นคือ:
หลายคนเอาเวลาไปคิดแต่โพสต์ตัวเอง แต่แทบไม่เคย คอมเมนต์แบบมีคุณภาพ ใต้โพสต์ของคนอื่นเลย
แต่ในมุมมองของ LinkedIn นั้น คอมเมนต์ที่ดี คือตัวคอนเทนต์เชิงรุกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งให้ผลลัพธ์อย่างน้อยสามข้อ:
- สร้างภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ (Authority) การทิ้งคอมเมนต์ยาว ๆ ที่มี Insight มีโครงสร้าง มีตัวอย่างจริง ใต้โพสต์ของคนที่มีอิทธิพลในวงการ จะทำให้คนอื่นจำคุณได้ในฐานะ “คนที่คิดลึก ไม่ได้มาแค่พิมพ์ตามน้ำ”
- ดึงคนย้อนกลับมาดูโปรไฟล์คุณ เมื่อคอมเมนต์คุณโดดเด่น มักจะได้ยอดกด Like, Reply หรือถูกพูดถึงซ้ำ คนจำนวนหนึ่งจะคลิกเข้ามาดูโปรไฟล์ เท่ากับคุณได้ Traffic ฟรีไปเรื่อย ๆ
- อุ่นเครื่อง Algorithm ล่วงหน้า ยิ่งคุณมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ในวงการเดียวกันมากเท่าไหร่ Algorithm ก็ยิ่ง “จดจำคุณ” ในฐานะคนที่อยู่ในวงการนั้นจริง ๆ พอถึงเวลาคุณโพสต์เอง คอนเทนต์ของคุณก็จะถูกแสดงให้คนในวงนี้เห็นก่อนเป็นกลุ่มแรก ๆ
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะบังคับตัวเองให้โพสต์ทุกวัน ลองตั้งเป้าแบบนี้ก่อน:
- เลือกโพสต์วันละ 5–10 โพสต์ที่ตรงกับหัวข้อหรืออุตสาหกรรมของคุณ
- เขียนคอมเมนต์ที่มีเนื้อหา ไม่ใช่ระดับ “Great post 👍” หรือ “ขอบคุณครับ” เท่านั้น
- ตั้งคำถามต่อยอด หรือเพิ่มเคส/มุมมองที่เจ้าของโพสต์ยังไม่ได้แตะ
คุณสามารถมองช่วงแรกเป็นเหมือน:
“โปรแกรมฝึกคอมเมนต์ 30 วัน” ก่อนเริ่มคอร์สโพสต์จริงจังบนโปรไฟล์ตัวเอง
四 เลิกมั่วหัวข้อโพสต์: ใช้ข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มเป็น “เรดาร์จับเทรนด์”
จุดอ่อนของ LinkedIn คือ ไม่มีระบบเทรนด์คอนเทนต์ที่ชัดเจนเหมือน TikTok หรือ YouTube
คุณไม่สามารถเลื่อนดูหน้า Trends แล้วรู้ได้ทันทีว่าเรื่องไหนกำลังมาแรงในอุตสาหกรรมของคุณ
วิธีแก้ปัญหาที่วิดีโอเสนอ คือการใช้แพลตฟอร์มอื่นเป็น “เรดาร์”:
- ใช้เครื่องมืออย่าง AnswerThePublic เพื่อดูว่า คนทั่วโลกกำลังค้นหาเกี่ยวกับคำสำคัญ (Keyword) ของคุณว่าอะไรบ้าง
- ตามดูคลิปหรือโพสต์ที่กำลังขึ้นบน YouTube / TikTok / Instagram ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสายงานคุณ
- นำหัวข้อที่ “กำลังเริ่มร้อนแรง” เหล่านั้นมา เขียนใหม่ในรูปแบบ LinkedIn: น้ำเสียงมืออาชีพมากขึ้น โครงสร้างชัดเจนขึ้น แทรกประสบการณ์จริงของคุณเอง เพื่อให้ต่างจากการแปลหรือก๊อปปี้
ข้อดีของการใช้วิธีนี้:
- คุณไม่ได้พูดเรื่องที่คนเล่าไปแล้วร้อยรอบใน LinkedIn แต่กำลังพูดถึง เทรนด์ที่มาจากแพลตฟอร์มอื่นที่คนใน LinkedIn ยังเล่าไม่เยอะ
- เพราะ LinkedIn ยังมีผู้โพสต์น้อย คอนเทนต์ที่ “ใหม่ + มี Insight” ก็ยิ่งมีโอกาสโดดเด่นง่าย
สรุปสั้น ๆ: ใช้ทั้งอินเทอร์เน็ตเป็นเรดาร์ดูเทรนด์ แต่ใช้ LinkedIn เป็นเวทีหลักในการเล่าเรื่องของคุณ
五 ให้ Algorithm ช่วยดัน: โพสต์ที่ดีต้องมี “Hook สั้น + เนื้อหาแน่น + คำถามปลายเปิด”
การจะให้ Algorithm ของ LinkedIn “ช่วยดันโพสต์” ไม่ใช่เรื่องดวง แต่คือการออกแบบโครงสร้างโพสต์ให้รองรับสัญญาณที่ Algorithm ใช้ตัดสินว่าควรดันโพสต์ต่อหรือไม่
1. ต้นเรื่อง: ให้สองบรรทัดแรกตอบคำถามว่า “ทำไมฉันต้องกดดูต่อ?”
คุณเคยนั่งไถฟีดแล้วเห็นคำว่า “ดูเพิ่มเติม (See more)” ใต้โพสต์ไหม?
ทุกครั้งที่มีคนกด “ดูเพิ่มเติม” นั่นคือสัญญาณสำคัญต่อ Algorithm ว่า:
“โพสต์นี้ทำให้คนอยากรู้ต่อ มีแนวโน้มว่าคนอื่นอาจสนใจด้วย ควรลองส่งให้คนอื่นเห็นมากกว่านี้”
ดังนั้น 1–2 บรรทัดแรกของคุณควร:
- ตั้งคำถามที่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ หรือสะดุดคิด เช่น “คุณแน่ใจจริงเหรอว่าตอนนี้ LinkedIn มันอิ่มตัวแล้ว?”
- ให้ Fact ที่ตบหน้าความเชื่อเดิม เช่น “LinkedIn มี 9 พันล้าน Impressions ต่อสัปดาห์ แต่มีแค่ 1% ที่โพสต์สม่ำเสมอ”
- หรือพูดถึงผลลัพธ์ที่คนอยากได้ชัด ๆ เช่น “ถ้าตอนนี้ผมต้องเริ่มใหม่จากศูนย์บน LinkedIn อีกครั้ง ผมจะทำแบบนี้เพื่อปิดลูกค้าค่าตัวสูง”
ให้คนรู้สึกว่า “เออว่ะ ต้องกดดูต่อ” แล้ว Algorithm จะเริ่มเก็บสัญญาณเชิงบวกให้คุณตั้งแต่ตรงนี้
2. เนื้อหา: อ่านง่าย แบ่งย่อหน้า ตาดูแล้วไม่ปวดหัว
หลักการง่าย ๆ สำหรับเนื้อหา:
- ใช้หัวข้อย่อย + Bullet Points ช่วยจัดโครงสร้าง
- ย่อหน้าไม่ยาวเกินไป ให้คนเห็นเป็น “ก้อนสั้น ๆ” ที่อ่านจบได้ในไม่กี่วินาที
- แต่ละย่อหน้า ควรมี “หนึ่งประเด็นชัด ๆ” ไม่พันกันหลายเรื่อง
คนใช้ LinkedIn ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานที่เวลาไม่เยอะ ถ้าโพสต์คุณยาวเป็นพรืด ไม่แบ่งย่อหน้า ไม่ใช้สัญลักษณ์ช่วยแบ่งสายตา ต่อให้เนื้อหาดีแค่ไหนก็จะถูกปัดผ่านไปเฉย ๆ
3. ท้ายโพสต์: อย่าปิดจบ ให้เปิดด้วยคำถามที่พาคนมาคอมเมนต์
ตอนจบของโพสต์ LinkedIn หลาย ๆ ชิ้น มักจะจบแบบ:
- “ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้”
- “ฝากกด Follow ถ้าอยากได้คอนเทนต์แนวนี้เพิ่ม”
- หรือไม่มีอะไรเลย
ถ้าคุณอยากให้ Algorithm ช่วยดันมากขึ้น คุณควร:
- ปิดท้ายด้วยคำถามที่ต้องใช้ความคิดตอบ
- ไม่ใช่คำถามประเภท “ใช่ไหมครับ?” / “เห็นด้วยไหม?” ที่ตอบได้ด้วยคำเดียว
ตัวอย่างคำถามที่ดีเช่น:
- ทุกวันนี้อะไรคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของคุณเวลาอยากสร้าง Personal Brand บน LinkedIn?
- คุณเคยเห็นโพสต์แบบไหนบน LinkedIn ที่ “เปลี่ยนมุมมองการทำงานของคุณไปเลย”?
- ถ้าคุณต้องล้างบัญชีแล้วเริ่ม LinkedIn ใหม่จากศูนย์ คุณจะทำอะไรเป็นอย่างแรก?
คำถามแบบนี้ทำให้:
- คนกล้าเข้ามาเล่าประสบการณ์หรือปัญหาของตัวเอง
- คุณมีพื้นที่ในการตอบกลับแบบเป็นกันเอง และสร้างบทสนทนาจริง ๆ
- ยิ่งมีคอมเมนต์มาก LinkedIn ก็จะยิ่งมองว่าโพสต์นี้ “มีชีวิต” และเพิ่มโอกาสถูกดันออกไปให้คนอื่นเห็นมากขึ้น
六 ความถี่ไม่สำคัญเท่า “จังหวะเวลา”: วางตารางโพสต์ตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
หลายคนติดกับดักความเชื่อว่า:
“ยิ่งโพสต์บ่อยเท่าไร ก็ยิ่งโตเร็วเท่านั้น”
ในความเป็นจริง Algorithm ของ LinkedIn ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากกว่า:
- คุณโพสต์ เวลาไหน
- โพสต์ถูกเสิร์ฟให้กับ ใคร เป็นกลุ่มแรก
- และ คุณภาพของปฏิสัมพันธ์ (Like, Comment, Click “See more”) ที่เกิดขึ้นในชั่วโมงแรก ๆ
คำแนะนำเชิงปฏิบัติ:
- ใช้ “ไทม์โซนของลูกค้าเป้าหมาย” เป็นหลัก ไม่ใช่ของคุณเอง ถ้าลูกค้าหลักของคุณอยู่ในอเมริกาเหนือ ให้ยึดช่วงเวลาทำงานและพักของคนในโซนนั้น ถ้าอยู่ยุโรปหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ต้องปรับให้เหมาะสม
- สังเกตพฤติกรรมทั่วไปของคนทำงาน เช่น ช่วงเช้าก่อนเริ่มงาน ช่วงพักเที่ยง ช่วงเย็นหรือกลางคืนตอนคนพักผ่อนและไถฟีด
- เลือก 2–3 ช่วงเวลา “ทอง” แล้วโพสต์ให้สม่ำเสมออย่างน้อย 4–8 สัปดาห์ จดตัวเลขพวก Impressions, Reactions, Comments ของแต่ละโพสต์ ค่อย ๆ หา Pattern ว่าบัญชีของคุณเหมาะกับช่วงเวลาไหนที่สุด
พูดอีกแบบ: ถ้าคุณโผล่มาในเวลาที่ลูกค้าคุณชอบเปิด LinkedIn เป็นประจำ คุณไม่จำเป็นต้องโพสต์เยอะ แต่โพสต์น้อยให้ถูกเวลาพอ
七 จากทริกแยก ๆ สู่ “ระบบเติบโต”: ทำให้ LinkedIn กลายเป็นเครื่องสร้าง Personal Brand ระยะยาว
แทนที่จะมองเคล็ดลับแต่ละข้อแบบแยกส่วน (วันนี้ศึกษา Hook พรุ่งนี้ศึกษา Comment มะรืนนี้ศึกษาเวลาโพสต์) คุณควรมองภาพทั้งหมดเป็น ระบบเดียวกัน:
- เริ่มจากวาดภาพ Dream 100 และวงคนรอบ ๆ ของพวกเขา
- ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการ คอมเมนต์คุณภาพสูง ใต้โพสต์ของคนในวงการเดียวกัน
- ใช้ข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม (เช่น AnswerThePublic, YouTube, TikTok) เป็นเรดาร์หาเทรนด์ แล้วเอามาแปลงเป็นคอนเทนต์แบบ LinkedIn
- ออกแบบทุกโพสต์ให้มี: Hook สั้น, เนื้อหาชัด, คำถามปลายเปิดชวนคอมเมนต์
- เลือกเวลาโพสต์ที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของลูกค้าเป้าหมาย
- ทำทุกอย่างอย่างสม่ำเสมอ 60–90 วัน แล้วดูข้อมูลเพื่อปรับเรื่องหัวข้อ น้ำเสียง และจังหวะให้เหมาะขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อคุณทำสิ่งเหล่านี้เป็นนิสัยประจำวัน LinkedIn จะค่อย ๆ เปลี่ยนจาก “แพลตฟอร์มที่แค่เข้ามาไถเล่น” เป็น เครื่องสร้าง Personal Brand + เครื่องหาลูกค้า B2B ระยะยาว ให้คุณ
FAQ: คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการเติบโตบน LinkedIn ในปี 2025
Q1: ปี 2025 นี้ ถ้าเพิ่งเริ่มจากศูนย์บน LinkedIn ยังทันไหม หรือสายไปแล้ว?
ยังไม่สายเลย จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของ LinkedIn ตอนนี้ไม่ใช่ “ไม่มีคนดู” แต่คือ คนที่เขียนคอนเทนต์ดีและลงมือสม่ำเสมอมีน้อย ถ้าคุณโฟกัสนิชเดียวให้ชัด แล้วโพสต์เนื้อหาที่มีโครงสร้าง มีตัวอย่าง และมีมุมมองของคุณเองอย่างต่อเนื่อง คุณยังมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่คนไม่ค่อยกล้าเล่าเบื้องหลังการทำงานจริง
Q2: ต่อสัปดาห์ควรโพสต์กี่ครั้งถึงจะ “พอ” สำหรับการเติบโตบน LinkedIn?
จำนวนที่ “เหมาะสม” จะต่างกันไปในแต่ละคน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวนคือ:
- ทุกโพสต์ต้องมี Hook ที่ดี เนื้อหาชัด และจบด้วยคำถามที่ชวนคอมเมนต์จริง ๆ
- โพสต์ในช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายของคุณมีแนวโน้มออนไลน์มากที่สุด
- ควบคู่ไปกับการคอมเมนต์คุณภาพสูงทุกวัน
โดยทั่วไป ถ้าคุณทำได้อย่างน้อย สัปดาห์ละ 2–3 โพสต์คุณภาพ + คอมเมนต์ดี ๆ ทุกวัน แล้วทำต่อเนื่อง 6–8 สัปดาห์ขึ้นไป คุณจะเริ่มเห็นความต่างในแง่ยอดวิว ยอดติดตาม และจำนวนอินบ็อกซ์ที่เข้ามาเอง
Q3: ถ้าฉันเป็นคนค่อนข้างอินโทรเวิร์ต ไม่ชอบโชว์ตัวมาก ยังใช้ LinkedIn เติบโตได้ไหม?
ได้แน่นอน จุดแข็งของ LinkedIn คือ คนบนแพลตฟอร์มนี้ ไม่ได้ต้องการคอนเทนต์สาย Entertain เสมอไป แต่ต้องการ Insight และประสบการณ์จริง
คุณสามารถใช้สไตล์ของตัวเองได้ เช่น:
- เน้นโพสต์แนว Case Study, How-to, หรือบทเรียนจากงานจริง
- เขียนให้โฟกัส “คุณแก้ปัญหาอะไรให้ใครได้บ้าง” มากกว่าการโชว์ไลฟ์สไตล์
- ใช้คอมเมนต์เป็นช่องทางหลักในการแสดงความคิด โดยไม่จำเป็นต้องออกหน้าทุกครั้ง
สำหรับตลาด B2B ส่วนใหญ่ ลูกค้าสนใจว่าคุณ “เข้าใจปัญหาของเขา และช่วยแก้ได้หรือไม่” มากกว่าที่จะสนใจว่าคุณเป็นคนเก่งพูดหรือคนชอบออกกล้องแค่ไหน