ในยุคที่ทุกคนหมกมุ่นกับ Reels, Shorts และ Live ขายของ หลายคนคิดว่า LinkedIn ก็แค่ “เว็บอัปเดตเรซูเม + แอดเพื่อนร่วมงาน”
แต่ถ้าคุณมองโครงสร้างแพลตฟอร์มดี ๆ จะพบว่า LinkedIn แทบจะถูกออกแบบมาเพื่อให้ “หาเงินจากการทำงานและธุรกิจ” โดยเฉพาะ
- ผู้ใช้ส่วนใหญ่คือ คนทำงานจริง ผู้บริหาร เจ้าของกิจการ คนมีงบประมาณ
- การสนทนาส่วนใหญ่เกี่ยวกับ งาน, ธุรกิจ, ปัญหาในองค์กร, การเติบโต
- ฟีเจอร์หลักคือ โปรไฟล์, งาน (Jobs), หน้า Company, โฆษณา, Sales Navigator, Learning ฯลฯ
ถ้าคุณเอา “ตัวตนมืออาชีพ” + “รูปแบบการหารายได้” + “เครื่องมือใน LinkedIn” มาต่อให้ติดกัน
LinkedIn ในปี 2025 ก็ยังเป็น แพลตฟอร์มทำเงิน ที่เสถียรและมีเพดานสูงมาก โดยเฉพาะสาย B2B / ที่ปรึกษา / ฟรีแลนซ์มืออาชีพ
1. ทำไม LinkedIn ในปี 2025 ยังเป็นแพลตฟอร์มทำเงินที่น่าใช้?
(1) คุณภาพผู้ใช้สูงกว่าโซเชียลทั่วไปแบบคนละจักรวาล
บน LinkedIn คุณเจอ:
- ผู้จัดการ ทีมลีด HR ผู้บริหาร เจ้าของบริษัท
- คนที่ต้อง จ้างคน, หาคู่ค้า, หาที่ปรึกษา, หาซอฟต์แวร์, หาทีมเอเจนซี่
- คนที่ “มีอำนาจตัดสินใจ” และ “มีงบ” ในมือ
แปลตรง ๆ คือ:
คนที่อยู่บน LinkedIn คือ “คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับงาน/ธุรกิจ” และ “มีเงินจ่ายเพื่อแก้ปัญหานั้น”
(2) เนื้อหายังไม่ได้อิ่มตัวเหมือน TikTok / IG
แม้ LinkedIn จะมี Impressions ระดับมหาศาลต่อสัปดาห์ แต่:
- สัดส่วนคนที่ “โพสต์คอนเทนต์คุณภาพอย่างสม่ำเสมอ” ยังน้อยมาก
- ฟีดยังไม่ได้แน่นจนจมเหมือนแพลตฟอร์มสายเอนเตอร์เทน
- เนื้อหาดี ๆ จึง มีอายุยืนกว่า และ แข่งขันน้อยกว่า
ดีสำหรับคนที่ยอมลงมือ:
- เขียนบทความเชิงลึก
- แบ่งปันเคสจริง
- แสดงมุมมองแบบคนทำงานจริง
(3) ฟีเจอร์แทบทั้งหมด ถูกออกแบบมาเพื่อ “โอกาสทางอาชีพและธุรกิจ”
ตัวอย่างเช่น:
- โปรไฟล์ส่วนตัว = นามบัตร + Sales Page แบบออนไลน์
- Connections = ฐานความสัมพันธ์ที่อัปเดตตลอดเวลา
- โพสต์ / บทความ = เวทีโชว์ความคิดและผลงาน
- Jobs, Company Page, LinkedIn Learning, Ads, Sales Navigator → ชุดเครื่องมือที่สร้างมาเพื่อ “หางาน, หาลูกค้า, หาคู่ค้า, หาคน, ปิดดีล”
สรุป:
ถ้าคุณตั้งใจสร้างภาพลักษณ์มืออาชีพและความสัมพันธ์ระยะยาว LinkedIn คือแพลตฟอร์มที่ “รายได้สูงต่อเวลา” มากในปี 2025
2. คุณหาเงินจาก LinkedIn “จริง ๆ” ได้ไหม? แล้วมันทำงานยังไงกันแน่?
คำตอบสั้น ๆ: ได้แน่นอน แต่ LinkedIn ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่โอนเงินให้คุณโดยตรง
มันคือ “เครื่องดึงโอกาส” มากกว่า “เครื่องจ่ายเงิน”
วงจรโดยคร่าว ๆ คือ:
- ถูกมองเห็น (Visibility) โปรไฟล์ดูโปร, น่าเชื่อถือ มีโพสต์ / บทความ / วิดีโอที่มีคุณค่า มีคอมเมนต์ดี ๆ ใต้โพสต์คนอื่น
- ถูกมองว่าเชื่อถือได้ (Trust) คุณไม่ได้พูดลอย ๆ แต่มีเคส, ตัวเลข, ประสบการณ์จริง ใครตามคุณมาสักพัก จะรู้ว่าคุณ “ทำจริงและเข้าใจจริง”
- ถูกเลือก (Selection) เมื่อคนต้องการจ้างที่ปรึกษา, ฟรีแลนซ์, วิทยากร, เอเจนซี่, ซัพพลายเออร์ หรือรับเข้าทำงาน คุณจะโผล่ขึ้นมาใน “ลิสต์ผู้สมัคร / คนที่นึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ”
- เกิดรายได้ (Monetization) ผ่านค่าที่ปรึกษา, ค่าจ้างโปรเจกต์, คอร์สเรียน, ค่าคอมมิชชัน, เงินเดือน, ดีลร่วมทุน ฯลฯ
ดังนั้น LinkedIn ไม่ได้จ่ายคุณแบบแพลตฟอร์ม Creator Fund
แต่ถ้าคุณวางตัวถูก มันจะทำให้ เงินและโอกาสเดินมาหาคุณเอง
3. วิธีหาเงินจาก LinkedIn ที่ใช้ได้จริง (7 เส้นทางหลัก)
3.1 ให้บริการที่ปรึกษา (Consulting) หรือโค้ชชิ่ง / การสอนแบบตัวต่อตัว
เหมาะสำหรับ:
- ที่ปรึกษาธุรกิจ / การเงิน / การตลาด / ระบบ
- โค้ชอาชีพ / โค้ชผู้บริหาร / โค้ชภายในองค์กร
- มืออาชีพด้านกฎหมาย, HR, การจัดการ, Data ฯลฯ
วิธีทำบน LinkedIn:
- เขียนในโปรไฟล์และ About ให้ชัดว่า “คุณช่วยใครแก้ปัญหาอะไร”
- โพสต์คอนเทนต์จากเคสจริง / วิธีคิด / Framework ที่คุณใช้
- ใส่ Call-to-Action ว่า ถ้าอยากคุย/ทำงานด้วยให้ติดต่อคุณยังไง
แพลตฟอร์มจะช่วยให้:
- คนที่มีปัญหาคล้ายกับที่คุณเล่า → ส่งข้อความมาหาคุณเอง
- ตอบคำถาม, นัดคอล, ปิดดีล → ทุกอย่างเกิดจากความเชื่อใจที่สะสมในฟีด
3.2 สร้าง Personal Brand และดึงสปอนเซอร์ / แบรนด์มาร่วมงาน
เมื่อคุณ:
- โพสต์เรื่องเดิม ๆ ในนิชเดิม ๆ ยาวพอ
- ถูกมองว่าเป็น “เสียงสำคัญ” ในกลุ่มคนทำงานเฉพาะทาง (เช่น B2B SaaS, HR Tech, Fintech, Digital Marketing ฯลฯ)
แบรนด์จะเริ่มสนใจ:
- ขอให้คุณรีวิว / แนะนำเครื่องมือ
- ขอร่วมจัด Webinar, Live, หรือเขียนบทความร่วม
- ให้คุณช่วยเป็น “หน้าตา” ของแคมเปญในกลุ่ม B2B หรือกลุ่มมืออาชีพ
คุณจึงสามารถ:
- รับค่าจ้างจากการทำ Content Collaboration
- รับสปอนเซอร์ให้ซีรีส์โพสต์หรือคอนเทนต์บางประเภท
- สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับซอฟต์แวร์ / บริการ / สถาบันฝึกอบรมใหญ่ ๆ
3.3 สร้าง Lead ให้ธุรกิจของคุณเอง (Lead Generation)
สำหรับ:
- เจ้าของกิจการ
- เอเจนซี่ / ฟรีแลนซ์สาย B2B
- ซอฟต์แวร์, SaaS, ที่ต้องขายให้บริษัท
LinkedIn คือ เครื่องจักรสร้าง Lead ระดับมืออาชีพ หากใช้ให้ถูก:
- ใช้โปรไฟล์ผู้ก่อตั้ง / Sales / Marketing เป็น “หน้าแบรนด์”
- โพสต์เคส, Story, Before–After, วิธีแก้ปัญหาของลูกค้าจริง
- แนบลิงก์ไปยังเว็บไซต์, หน้า Landing Page, ฟอร์มจอง Demo หรือฟอร์ม “ให้เราวิเคราะห์ฟรี”
เมื่อผูกกับ:
- คอนเทนต์ดี ๆ
- Social Proof (รีวิว / เคสจริง)
- Outreach ที่สุภาพและตรงกลุ่ม
LinkedIn สามารถกลายเป็นแหล่ง Lead คุณภาพสูง ที่คุณปิดดีลหลักหมื่น–หลักแสน–หลักล้านได้ใน B2B
3.4 โปรโมตสินค้าในรูปแบบ Affiliate (Affiliate Marketing)
เมื่อคุณ:
- มีฐานคนติดตามในกลุ่มเป้าหมายชัด ๆ
- มักถูกถามว่า “ใช้ตัวไหนทำงาน”, “แนะนำเครื่องมืออะไร”
คุณสามารถ:
- เขียนรีวิว, How-to, Case Study โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุณเชื่อจริง ๆ
- อธิบายข้อดี–ข้อเสียอย่างตรงไปตรงมา
- แนบลิงก์ Affiliate ไปยังเว็บทางการของผลิตภัณฑ์นั้น
ข้อควรระวัง:
- อย่าดันของที่คุณไม่เคยใช้จริง
- อย่าทำให้ฟีดของคุณกลายเป็น “แบนเนอร์เดินได้”
- ให้หลักการว่า: ประโยชน์ของผู้อ่านต้องมาก่อนค่าคอมของเราเสมอ
ทำดี ๆ Affiliate จะกลายเป็น “ธารรายได้เสริม” ที่โตไปพร้อมกับ Personal Brand ของคุณ
3.5 ขาย Digital Product หรือคอร์สออนไลน์ของคุณเอง
เหมาะกับคนที่:
- มี Framework / ระบบคิด / Template ที่ใช้ได้ผลซ้ำ ๆ
- มีคนอินบ็อกซ์มาถามเรื่องเดิมซ้ำ ๆ
- อยากหลุดจากโหมด “ขายแค่เวลาตัวเอง”
สิ่งที่คุณสามารถขายได้ เช่น:
- คอร์สออนไลน์ (สด หรือบันทึก)
- E-book / Playbook / Notion Template / Spreadsheet Template
- ชุด Workshop สั้น ๆ ออนไลน์
LinkedIn จะช่วยคุณ:
- หา “ผู้เรียนที่ใช่” ผ่านเนื้อหาและวงการที่คุณอยู่
- สร้าง Trust ผ่านเคส, รีวิว, บทความก่อนที่จะขายจริง
- จากนั้นค่อยพาไปจ่ายเงินบนเว็บไซต์ / แพลตฟอร์มคอร์ส หรือแม้แต่บน LinkedIn Learning หากคุณร่วมโปรแกรมกับเขาได้
3.6 รับงานบรรยาย / อบรม / Training แบบมีค่าตัว
ถ้าคุณ:
- ชอบสอนและเล่าเรื่อง
- มีประสบการณ์ลึกในเรื่อง “คนอื่นอยากรู้แต่ไม่ค่อยมีใครเล่าลึก”
- โพสต์บทความแนว Insight / Case Study / Management / Leadership อยู่แล้ว
คุณมีโอกาสได้:
- งานบรรยายภายในองค์กร (In-house Training)
- งานบนเวทีงานสัมมนา / งานอีเวนต์อุตสาหกรรม
- งานโค้ชชิ่งกลุ่มสำหรับผู้จัดการ, ทีมขาย, ทีมการตลาด ฯลฯ
หลายครั้ง งานอบรมครึ่งวัน–หนึ่งวัน ค่าตัวสามารถเท่ากับหรือมากกว่ารายได้ทั้งเดือนจากงานประจำ / ฟรีแลนซ์ หากคุณวางตัวและราคาได้เหมาะสม
3.7 ปล่อยเช่า / ขายบัญชี LinkedIn? ตัวเลือกเสี่ยงสูง ไม่แนะนำ
ต้องพูดตรง ๆ ว่า:
ใช่ – ปัจจุบันมีบางตลาดมืดที่:
- รับเช่า Account LinkedIn ไปส่งสแปม / Outreach
- ซื้อ–ขายบัญชีเก่าเพื่อใช้หลบการยืนยันต่าง ๆ
แต่ปัญหาคือ:
- แทบจะ ขัดต่อเงื่อนไขการใช้งานของ LinkedIn โดยตรง
- คุณคุมไม่ได้ว่าเขาจะเอา “ชื่อและหน้าคุณ” ไปใช้ทำอะไรบ้าง
- ถ้าบัญชีโดนแบน คุณจะเสียทั้งเครือข่าย ความสัมพันธ์ และชื่อเสียงที่สะสมมา
ในมุมของ คนสร้างอาชีพระยะยาว
การปล่อยเช่าหรือขายบัญชี LinkedIn คือการเอา “สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดด้านอาชีพของคุณ” ไปแลกกับรายได้สั้น ๆ ที่เสี่ยงและควบคุมไม่ได้
ในเมื่อคุณสามารถใช้วิธี 1–6 ทำเงินแบบยั่งยืนและถูกกติกาได้ ทำไมต้องเสี่ยงกับข้อ 7?
4. ใช้ MasLogin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของรายได้จาก LinkedIn
ถ้าคุณ:
- ดูแลหลายบัญชี LinkedIn (เช่น บัญชีผู้ก่อตั้ง, บัญชีผู้บริหาร, บัญชีทีมขาย)
- ทำเอเจนซี่หรือรับดูแล LinkedIn ให้ลูกค้าหลายราย
- ทำตลาดหลายประเทศ ต้องแบ่ง Persona / ภาษา / ภูมิภาค
การใช้เบราว์เซอร์เดิม สลับ Login/Logout ไปมา + ใช้ IP เดียวตลอด มีความเสี่ยงเช่น:
- Session, Cookies ชนกันมั่ว
- ต้องยืนยันตัวตนบ่อย
- พฤติกรรม Login จาก IP เดียวหลายบัญชี อาจดูผิดธรรมชาติในสายตาระบบ
MasLogin (เบราว์เซอร์แบบ Anti-detect / Fingerprint Browser สำหรับการจัดการหลายบัญชี) ช่วยได้ตรงนี้:
- สร้าง สภาพแวดล้อมเบราว์เซอร์แยกกัน สำหรับแต่ละบัญชี LinkedIn Cookies, Local Storage, Fingerprint แยกเป็นโลกของตัวเอง
- ผูก Proxy / IP ต่างกัน ให้แต่ละบัญชีจำลองเหมือนใช้งานจากเครื่องและสถานที่คนละที่
- ใช้สิทธิ์การเข้าถึงร่วมกันในทีมได้ โดยไม่ต้องส่งรหัสผ่านไปมาจนเสี่ยง
- รองรับการทำงานขนานหลายบัญชีอย่างเป็นระบบ (เช่น ฝ่ายคอนเทนต์กับฝ่าย Outbound ใช้คนละโปรไฟล์)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MasLogin เว็บไซต์ทางการ
ถ้าคุณใช้ LinkedIn เป็นเครื่องมือหาลูกค้า / ทำยอดขาย / เปิดตลาดหลายภูมิภาค การมีโครงหลายบัญชีที่ปลอดภัยและจัดการง่าย จะช่วยให้:
- คุณกล้า “ขยายทีมและขยายบัญชี” โดยไม่กลัวความวุ่นวาย
- ทำงานเร็วขึ้น โดยไม่ต้องมานั่ง Login/Logout ทั้งวัน
- ลดโอกาสโดนตรวจสอบจากพฤติกรรมที่ดูผิดธรรมชาติด้านเทคนิค (ภายใต้การใช้งานที่ยังคง ถูกกติกา LinkedIn และกฎหมายของแต่ละประเทศ)
5. สรุปแบบตรงไปตรงมา: คุณจะหาเงินจาก LinkedIn ได้ “เท่าไหร่”?
คำตอบคือ: ขึ้นกับโมเดลรายได้ + ระดับทักษะ + ระดับความจริงจังของคุณ
ตัวอย่างคร่าว ๆ:
- ฟรีแลนซ์ / ที่ปรึกษารายเดี่ยว หาโปรเจกต์ผ่าน LinkedIn เดือนละ 2–5 งาน → สร้างรายได้เสริม–รายได้หลักได้สบาย
- เอเจนซี่ / Consult Firm เล็ก ๆ ใช้ LinkedIn เป็นแหล่ง Lead หลัก → ปิดดีล retainer, contract ระยะยาว
- ผู้หางาน / คนอยากเปลี่ยนงาน ใช้ LinkedIn หาโอกาสงานที่ “เงินเดือนดีกว่า + ตำแหน่งตรงกว่า” → รายได้รวมในอีก 3–5 ปีข้างหน้าเปลี่ยนไปคนละเรื่อง
จุดสำคัญไม่ใช่ “คนอื่นหาเงินได้เท่าไร”
แต่คือ:
คุณมี “ข้อเสนอทางคุณค่า (Value Proposition)” ที่ชัดเจนไหม? คุณใช้ LinkedIn เพื่อสื่อสารสิ่งนั้นอย่างสม่ำเสมอไหม?
6. จะปรับแต่งโปรไฟล์ LinkedIn ให้ “พร้อมทำเงิน” ต้องดูอะไรบ้าง?
คิดง่าย ๆ ว่า โปรไฟล์ = Landing Page ของคุณบน LinkedIn
เป้าหมายไม่ใช่แค่ “ดูดี” แต่ต้องทำให้คนรู้สึกว่า “อยากคุยต่อ / อยากร่วมงานด้วย”
เช็กลิสต์หลัก:
- Headline ต้องตอบให้ได้ว่า “คุณทำอะไร เพื่อใคร ด้วยวิธีไหน” แทนที่จะเขียนแค่ตำแหน่ง เช่น “Marketing Manager” ลองเขียนเป็น “ช่วย B2B SaaS เพิ่ม Lead คุณภาพด้วย Content + Email Marketing”
- ภาพปก (Banner) มีประโยชน์จริง แสดงโลโก้แบรนด์, ข้อความสั้น ๆ ว่าคุณทำอะไร, ลิงก์เว็บไซต์หรือ Call-to-Action
- About เขียนให้เหมือนเล่าเรื่องให้ลูกค้า / HR ฟัง เล่าว่าคุณเคยแก้ปัญหาอะไรอย่างเป็นรูปธรรม มีตัวเลข / ผลลัพธ์ / ผลกระทบกับธุรกิจ ลงท้ายด้วยวิธีติดต่อคุณแบบชัดเจน
- Experience เน้น “ผลลัพธ์” ไม่ใช่ “หน้าที่” แทนคำว่า “รับผิดชอบการทำแคมเปญออนไลน์” ให้เขียนว่า “ออกแบบและรันแคมเปญออนไลน์ ช่วยเพิ่ม MQL 40% ภายใน 6 เดือน”
- ส่วน Featured ให้ใช้โชว์ของดีที่สุดของคุณ บทความ, วิดีโอ, Deck, เคส, อินเทอร์วิว ฯลฯ ที่ทำให้คนเชื่อว่า “คุณทำได้จริง”
- CTA ชัดเจน อยากให้คน “แอดแล้วทักมา”, “จองคอลผ่านลิงก์”, “ไปอ่านเว็บก่อน” ให้เขียนให้เห็นชัดใน About, Banner หรือโพสต์ที่ปักหมุด
ถ้าต้องการรายละเอียดเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการเซตโปรไฟล์ หางาน ฯลฯ เพิ่มเติม สามารถดูได้ใน LinkedIn Help Center
7. กรณีศึกษา: มืออาชีพหาเงินจาก LinkedIn ยังไง (ตัวอย่างสถานการณ์สมมติ)
ตัวอย่างด้านล่างเป็นเคสสมมติ เพื่อช่วยให้เห็นภาพว่าจะออกแบบการหาเงินบน LinkedIn ยังไง
กรณีที่ 1: ที่ปรึกษา B2B Marketing + ทีมเล็กหลายบัญชี
- โปรไฟล์: อดีตหัวหน้าการตลาดจาก SaaS รายใหญ่
- กลยุทธ์: ใช้หลายบัญชี (ผู้ก่อตั้ง, Co-founder, Head of Growth) เพื่อยิงคอนเทนต์คนละมุม ใช้ MasLogin แยกสภาพแวดล้อมเบราว์เซอร์ของแต่ละคน ไม่ให้ข้อมูลชนกัน สร้าง Lead ผ่านบทความเคส, Webinar, Checklist และ Free Audit Form บนเว็บไซต์
- ผลลัพธ์: LinkedIn กลายเป็นช่องทาง Lead หลัก ปิดได้ทั้ง Project ครั้งเดียวและ Retainer ระยะยาว
กรณีที่ 2: ดีไซเนอร์อิสระ ขยายจาก “ขายแรง” ไป “ขายระบบ + คอนเทนต์”
- โปรไฟล์: นักออกแบบสาย Branding / Presentation
- กลยุทธ์: โพสต์ Before/After ของงานลูกค้า พร้อมอธิบายกระบวนการคิด เขียนโพสต์แนะนำวิธีปรับ Pitch Deck ให้เข้าใจง่ายและน่าเชื่อถือ สร้างชุด Template + Mini Course ภาษาอังกฤษขายบนเว็บตัวเอง
- ผลลัพธ์: ลูกค้าต่างประเทศเข้ามาจาก LinkedIn โดยตรง + มีรายได้ประจำจากคอร์สและเทมเพลต
กรณีที่ 3: วิทยากรด้าน HR / Leadership ได้ดีลอบรมองค์กรจาก LinkedIn
- โปรไฟล์: อดีต HRBP / OD Manager จากองค์กรใหญ่
- กลยุทธ์: แบ่งปันเคสการบริหารคน, การคุย Feedback, การออกแบบ Career Path บน LinkedIn ตอบคำถามในกลุ่ม HR / Manager อย่างสม่ำเสมอ รวบรวมสไลด์อบรมสวย ๆ และ Testimonial จากผู้เข้าร่วมมาโชว์ใน Featured
- ผลลัพธ์: ได้งานอบรมทั้ง Online และ On-site กับบริษัทระดับกลาง–ใหญ่ รวมค่าตอบแทนต่อปีสูงกว่างานประจำเดิม
FAQ: คำถามยอดฮิตเรื่อง “การหาเงินบน LinkedIn”
Q1: ถ้าไม่มีชื่อเสียง ไม่มีคนตาม เริ่มจากศูนย์ ยังมีโอกาสทำเงินจาก LinkedIn ไหม?
มีแน่นอน สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ตัวเลขคนตาม” แต่คือ:
- คุณชัดไหมว่าคุณช่วยใครเรื่องอะไร
- คุณยอมแชร์ความรู้และประสบการณ์อย่างต่อเนื่องไหม
- คุณเข้าไปมีส่วนร่วม (คอมเมนต์, แชร์ความเห็น) ในวงการที่คุณอยากอยู่ไหม
เริ่มจากคนตามหลักสิบ–หลักร้อยแต่เป็น “กลุ่มคนที่ใช่” ยังมีมูลค่ามากกว่าหลักพัน–หลักหมื่นที่ไม่ตรงกลุ่มด้วยซ้ำ
Q2: ควรใช้ LinkedIn เพื่อ “หางาน” หรือ “หาลูกค้า” ก่อนดี?
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ชีวิตคุณตอนนี้:
- ถ้าคุณต้องการความมั่นคงและรายได้ประจำ → ใช้ LinkedIn ปั้นภาพมืออาชีพและหางานที่ดีขึ้นก่อน
- ถ้าคุณมีงานประจำอยู่แล้วและอยากเพิ่มรายได้หลายทาง → ใช้ LinkedIn เป็นช่องทางรับโปรเจกต์, ทำคอร์ส, ทำ Affiliate เพิ่ม
2 ทางนี้เดินคู่กันได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งตลอดไป
Q3: ใช้ MasLogin จัดการหลายบัญชี LinkedIn จะยิ่งเสี่ยงโดนแบนไหม?
ตัวเครื่องมือเองมีไว้เพื่อ:
- แยกสภาพแวดล้อมของแต่ละบัญชี
- ลดความวุ่นวายจากการสลับบัญชีบนเบราว์เซอร์เดียว
- เพิ่มความปลอดภัยในงานทีม (ไม่ต้องแชร์รหัสกันมั่ว ๆ)
สิ่งที่เสี่ยงไม่ใช่เครื่องมือ แต่คือ:
- พฤติกรรมที่ผิดกติกา เช่น สแปม, ยิงข้อความเยอะ ๆ แบบไม่ดูคน, ปั๊ม Connection แบบไม่ธรรมชาติ
- การสร้างบัญชีปลอม / ใช้ตัวตนคนอื่น / ละเมิดข้อกำหนดของ LinkedIn
ถ้าคุณใช้งานอย่างเป็นมืออาชีพและเคารพกติกา เครื่องมืออย่าง MasLogin จะเป็น “เกราะป้องกันและตัวคูณประสิทธิภาพ” มากกว่าเป็นความเสี่ยง
Q4: ถ้าอยากให้ LinkedIn กลายเป็น “ช่องทางทำเงินจริงจัง” ควรเริ่มตรงไหนก่อน?
ลำดับง่าย ๆ:
- ใช้ 5–7 วันปรับโปรไฟล์ให้ดูเป็นมืออาชีพ พร้อม CTA ชัด
- ใช้ 2–3 สัปดาห์แอดคนในวงการที่ใช่ + คอมเมนต์คุณภาพดีทุกวัน
- เริ่มโพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวกับงาน/ทักษะของคุณสัปดาห์ละ 2–3 ชิ้น
- เมื่อเริ่มมีคนทักเรื่องร่วมงาน, ขอคำปรึกษา → ออกแบบ “ข้อเสนอ” (บริการ / คอร์ส / แพ็กเกจ) ให้ชัดแล้วค่อยต่อยอด